เมนู

หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ
น้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด
ฉันใด. ดูก่อนราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวดดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มี
อินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอน
ให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปรกติเห็นโทษในปรโลก
โดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูก่อนราชกุมารครั้งนั้น อาตมภาพได้กล่าวรับท้าวสหัมบดี
พรหมด้วยคาถาว่า
ดูก่อนพรหม เราเปิดประตูอมต-
นิพพานแล้ว เมื่อสัตว์ทั้งหลายผู้มีโสต
จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะ
ลำบาก จึงไม่กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว
ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.

ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปิด
โอกาสเพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไป
ในที่นั้นเอง.

ทรงปรารภปฐมเทศนา



[512] ดูก่อนราชกุมาร อาตมภาพได้มีความดำริว่า เราพึงแสดง
ธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน.ครั้นแล้ว อาตมภาพ
ได้มีความคิดเห็นว่า อาฬารดาบสกาลามโคตรนี้ เป็นบัณฑิต ฉลาด มีเมธา
มีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยมานาน ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรมแก่อาฬารดาบส
กาลานโคตรก่อนเถิด เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้โดยฉับพลัน. ที่นั้น เทวดาทั้งหลาย

เข้ามาหาอาตมภาพแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อาฬารดาบส
กาลามโคตร ทำการละเสียเจ็ดวันแล้ว. และความรู้ความเห็นก็เกิดขึ้นแก่อาตม -
ภาพว่า อาฬารดาบส กาลามโคตรทำกาละเสียเจ็ดวันแล้ว. อาตมภาพได้มี
ความคิคเห็นว่า อาฬารดาบส กาลามโคตรเป็นผู้เสื่อมใหญ่แล ก็ถ้าเธอพึงได้
ฟังธรรมนี้พึงรู้ทั่วถึงได้ฉับพลันทีเดียว. ครั้นแล้วอาตมาภาพได้มีความดำริว่า
เราพึงแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน แล้ว
อาตมาภาพได้มีความคิดเห็นว่า อุทกดาบสรามบุตรนี้ เป็นบัณฑิต ฉลาด
มีเมธา มีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยมานาน ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรมแก่
อุทกดาบสรามบุตรก่อนเถิด เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน. ที่นั้น เทวดา
ทั้งหลายเข้ามาหาอาตมภาพ แล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุทกดาบส
รามบุตรทำกาละเสียแล้วเมื่อพลบค่ำนี้เอง. และความรู้ความเห็นก็เกิดขึ้นแก่
อาตมภาพว่า อุทกดาบสรามบุตร ทำกาละเสียแล้วเมื่อพลบค่ำนี้เอง. อาตมภาพ
ได้มีความคิดเห็นว่า อุทกดาบสรามบุตรเป็นผู้เสื่อมใหญ่แล ก็ถ้าเธอพึงได้ฟัง
ธรรมนี้ ก็จะพึงรู้ทั่วถึงได้ฉับพลันทีเดียว. ครั้นแล้ว อาตมภาพได้มีความ
ดำริว่า เราพึงแสดงธรรมแก่ใครก่อนหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้ฉับพลัน.
แล้วอาตมภาพได้มีความคิดเห็นว่า ภิกษุปัญจวัคคีย์มีอุปการะแก่เรามาก บำรุง
เราผู้มีตนส่งไปแล้ว เพื่อความเพียร ถ้ากระไร เราพึงแสดงธรรมแก่ภิกษุ
ปัญจวัคคีย์ก่อนเถิด. แล้วอาตมภาพได้มีความดำริว่า เดี๋ยวนี้ภิกษุปัญจวัคคีย์
อยู่ที่ไหนหนอ. ก็ได้เห็นภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ที่ป่าอิสิปตนมิคทายวัน ใกล้เมือง
พาราณสี ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์. ครั้นอาตมภาพอยู่ที่
ตำบลอุรุเวลาตามควรแล้ว จึงได้หลีกจาริกไปทางเมืองพาราณสี.
[513] ดูก่อนราชกุมาร อุปกาชีวกได้พบอาตมภาพผู้เดินทางไกล
ที่ระหว่างแม่น้ำคยา และไม้โพธิ์ต่อกัน แล้วได้กล่าวกะอาตมภาพว่า ดูก่อน

ผู้มีอายุ อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวช
เฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาชอบท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร. ดูก่อน
ราชกุมาร เมื่ออุปกาชีวกกล่าวอย่างนี้แล้ว อาตมภาพได้กล่าวตอบอุปกาชีวก
ด้วยคาถาว่า
เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง เป็น
ผู้รู้ธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฐิไม่ติด
แล้วในธรรมทั้งปวง เป็นผู้ละธรรมทั้งปวง
น้อมไปในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหาแล้ว รู้
แล้วด้วยปัญญาอันยิ่งเอง จะพึงเจาะจง
ใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนผู้เช่นกับ
ด้วยเราก็ไม่มี บุคคลผู้เปรียบด้วยเรา ไม่
มีในโลกกับทั้งเทวโลก เพราะเราเป็น
พระอรหันต์ในโลก เป็นศาสดา ไม่มี
ศาสดาอันยิ่งขึ้นไปกว่า เราผู้เดียวตรัสรู้
เองโดยชอบ เป็นผู้เย็น เป็นผู้ดับสนิทแล้ว
เราจะไปยังเมืองกาสี เพื่อจะยังธรรมจักร
ให้เป็นไป เมื่อสัตวโลกเป็นผู้มืด เราได้
ตีกลองประกาศอมตธรรมแล้ว.

อุปกาชีวกถามว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ท่านปฏิญาณว่า ท่านเป็นพระอรหันต์
อนันตชินะ (ผู้ชนะไม่มีที่สิ้นสุด) ฉะนั้นหรือ.

อาตมภาพตอบว่า
ชนทั้งหลายผู้ถึงธรรมที่สิ้นตัณหา
เช่นเราแหละ ชื่อว่าเป็นผู้ชนะ บาปธรรม
ทั้งหลายอันเราชนะแล้ว เหตุนั้นแหละ
อุปกะ เราจึงว่า ผู้ชนะ.

ดูก่อนราชกุมาร เมื่ออาตมภาพกล่าวอย่างนี้แล้ว อุปกาชีวก กล่าวว่า
พึงเป็นให้พอเถิดท่าน สั่นศีรษะแลบลิ้นแล้วหลีกไปคนละทาง.

เสด็จเข้าไปหาปัญจวัคคีย์



[514] ครั้งนั้น อาตมภาพเที่ยวจาริกไปโดยลำดับ ได้เข้าไปหา
ภิกษุปัญจวัคคีย์ยังป่าอิสิปตนมิคทายวัน เขตเมืองพาราณสี. ดูก่อนราชกุมาร
ภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้เห็นอาตมภาพกำลังมาแต่ไกลเทียว แล้วไต่ตั้งกติกาสัญญา
กันไว้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย พระสมณโคดมพระองค์นี้ เป็นผู้มักมาก
คลายความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นผู้มักมาก กำลังมาอยู่ เราทั้งหลายไม่
พึงกราบไหว้ ไม่พึงลุกรับ ไม่พึงรับบาตรและจีวร แต่พึงแต่งตั้งอาสนะไว้
ถ้าเธอปรารถนาก็จักนั่ง. อาตมภาพเข้าไปใกล้ภิกษุปัญจวัคคีย์ ด้วยประการ
ใด ๆ ภิกษุปัญจวัคคีย์ก็ไม่อาจจะตั้งอยู่ในกติกาของตน ด้วยประการนั้น ๆ
บางรูปลุกรับอาตมาภาพ รับบาตรและจีวร บางรูปปูลาดอาสนะ บางรูปตั้งน้ำ
ล้างเท้า แต่ยังร้องเรียกอาตมาภาพโดยชื่อ และยังใช้คำว่า อาวุโส. เมื่อภิกษุ
ปัญจวัคคีย์กล่าวเช่นนี้ อานุภาพได้กล่าวว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
อย่าร้องเรียกตถาคตโดยชื่อ และใช้คำว่าอาวุโสเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ตถาคตเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ท่านทั้งหลายจงเงี่ยโสตลงเถิด
เราจะสั่งสอนอมตธรรมที่เราบรรลุแล้ว เราจะแสดงธรรม เมื่อท่านทั้งหลาย